130 Views Report Error
เป็นหนังของผกก.ในดวงใจคนหนึ่ง ซึ่งมักจะหามุมมองของความรักในรูปแบบต่าง ๆ มานำเสนอให้เราได้รับชมกัน ซึ่งเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องที่สาม แต่เราก็ได้เห็นถึงฝีไม้ลายมือของ เฮอร์จินโฮ ตั้งแต่ Christmas in August และ One Fine Spring Day มาแล้วรวมไปถึงนักแสดงอย่าง แบยองจุน ซึ่งรายนี้ต้องบอกว่าผมไม่เคยดูละครโทรทัศน์ที่เขาแสดงเลย เคยจะก็แต่เรื่อง Untold Scandal หนังเรื่องแรกของเขา ซึ่งก็ฉีกภาพลักษณ์ของเขาไปอย่างสิ้นเชิง แต่นั่นก็ทำให้เราเห็นถึงความสามารถทางการแสดงของเขาอีกรายหนึ่ง ซอนเยจิน เราเคยเห็นสาวน้อยผู้อ่อนแอจากหนังเรื่องต่าง ๆ ตั้งแต่ The Lover Concerto, TheClassic, A Moment to Remember (ซึ่งทุกเรื่องที่กล่าวมานั้น เธอต้องป่วยจนเข้าโรงพยาบาลทุกเรื่อง) เรื่องนี้ด้วยบทบาทที่หนักขึ้น และการแสดงที่โตขึ้นก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจไม่น้อยเพียงแค่ทั้งหมดที่กล่าวมาก็ทำให้เห็นถึงความน่าสนใจของหนังเรื่องนี้แล้ว เมื่อได้ชมแล้วเห็นถึงสิ่งที่เกินความคาดหมายของผมเมื่อดูในหนังแล้วจึงได้อยากเอามาเขียนเพื่อแบ่งความรู้สึกที่ได้ดูหนังที่น่าสนใจเรื่องหนึ่งของปีนี้ความน่าสนใจอันดับแรกเมื่อได้ดูตัวอย่าง และการอ่านบทสัมภาษณ์คร่าว ๆ ของผกก. บอกได้คำหนึ่งเลยว่า เฮอร์จินโฮ เริ่มที่จะแหวกแนวตัวเองมากขึ้น แต่ก่อนหนังเขาจะนิ่งด้วยการแสดงและภาพต่าง ๆ ที่ดูไมม่มีส่วนใดที่ดู”มาก” จนเกินไป ทั้งการแสดงเลิฟซีนใน การร้องไห้ การแสดงอารมณ์ของตัวละคร One Fine Spring Day ก็ทำแบบพองาม รวมถึงเรื่อง Christmas in August ก็ทำออกมาดูเรียบง่าย ไม่มีการบีบอารมณ์ของคนดูจนเกินไป แต่ภาพแรกที่ผมเห็นกับตัวอย่างหนังเรื่องนี้ กลับเห็นภาพที่แสดงอารมณ์ที่ “มาก” อย่างฉากที่ซอนเยจิน ร้องไห้แบบจะเป็นจะตายบนถนนในต่างจังหวัด หรือฉากเลิฟซีนอันเร่าร้อน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมันก็ไม่ได้เกินไปกว่าการควบคุมอารมณ์ให้ไม่ดูโอเวอร์เกินไปจากสไตล์ และภาพรวมทั้งหมด ซึ่งมันก็ยังเป็นแบบเฮอร์จินโฮทั้งสิ้น เรียกได้ว่าหนังเรื่องนี้เริ่มเป็นการท้าทายความสามารถของตนเองในฐานะคนทำหนังของเฮอร์จินโฮครั้งนี้ผกก.หยิบประเด็นความรักในแง่ของการนอกใจคนรัก ซึ่งการนอกใจนี้ ครั้งแรกมันกลับไม่ได้ผ่านมุมมองของตัวละครพระนางของเรื่อง แต่กลับเป็นสามีและภรรยาทางนิตินัยของพวกเขาต่างหากที่มาคบชู้กัน หนังไม่ได้บอกสาเหตุของการนอกใจนี้มากไปกว่าการที่สองคนนั้นเคยเป็นเพื่อนร่วมชมรมสมัยเรียนในมหาวิทยาลัยๆเท่านั้น และคู่พระนางก็ไม่ได้พยายามที่จะค้นหาสาเหตุของการเป็นชู้กัน นอกเสียจากจัดการธุระต่าง ๆ ของสามีและภรรยาของตนเท่านั้นแบยองจุนในบทของอินซู ชายหนุ่มซึ่งมีอาชีพผกก.แสงบนเวทีคอนเสริต และ ซอนเยจินในบท โซยัง แม่บ้านสาวผู้ซึ่งแต่งงานตั้งแต่เธออายุยังน้อย ด้วยการคลุมชุมชนทั้งสองเจอกันในวันที่สามีและภรรยาของเธอและเขาต้องประสบอุบัติเหตุรถชน ที่ทำให้เขาทั้งสองได้รู้ว่าคู่ชีวิตของพวกเขานอกใจทั้งคู่ก็ปลอบใจตัวเองด้วยการดื่มน้ำเมาอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว ซึ่งมันก็บอกเป็นกลาย ๆ ว่าเขาทั้งคู่ไม่อาจหาที่พึ่งอื่นได้ดีกว่านี้ อีกทั้งการแสดงออกหลายอย่างก็บอกถึงการให้เกียรติ์คู่ชีวิตของตนด้วยการไม่ให้คนรอบข้างรับรู้ในสิ่งที่ตนเองได้รับรู้มา ทั้งที่ตนเองมีสิทธิ์ถึงขนาดเลิกรากับพวกเขาได้โดยไม่มีข้ออ้างใด ๆอย่างไรก็ดี การที่ต้องจัดการธุระต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการไปเคารพศพผู้เคราะห์ร้ายที่ถูกรถชน หรือการจัดการเรื่องการดูแลคนป่วยต่าง ๆ ทั้งคู่ก็ต้องพบเห็นหน้ากันเป็นประจำ อีกทั้งความบังเอิญที่เขาทั้งคู่เช่าห้องใกล้กัน บวกๆ กับการที่เขาทั้งคู่ไม่มีใคร มันก็สามารถที่จะส่งผลทำให้เขาทั้งคู่สามารถเกิดความรู้สึกที่ดีต่อกันบางอย่างได้แท้จริงเป็นสิทธิ์อันชอบธรรมที่เขาทั้งคู่สามารถตกหลุมรักกันแม้จะอยู่ในฐานะ “ชู้รัก” ก็ตามที แต่ในการกระทำของเขานั้นมันก็มีปัจจัยหลายอย่าง อย่างเช่น การที่โซยังเป็นเพียงผู้หญิงคนหนึ่งที่ยังคงต้องการความช่วยเหลือในหลายด้านจากสามีเธออยู่ แต่ตอนนี้สามีเธอไม่สามารถมาช่วยเหลือเธอได้ อินซูจึงสามารถเติมเต็มในจุดนี้ได้ อีกทั้งความสุขทางใจที่เขาทั้งคู่ดูเหมือนจะขาดหายไปนานตอนนี้ก็สามารถเติมเต็มกันได้ แม้ว่ามันเป็นสิ่งที่ผิดในสายตาของคนในสังคม เพราะยังไงทั้งคู่ก็ถือได้ว่าเป็นคนที่แต่งงานแล้วความสัมพันธ์ของทั้งสองพัฒนาไปจนกระทั่งถึงขนาดร่วมรักกัน แสดงถึงความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งจนยากที่จะถอนตัวการเป็น “ชู้รัก” นั้นการแสดงออกทางความรักสามารถทำได้แค่เพียงในที่ลับตาคนเท่านั้น ส่วนในที่ที่ทั้งคู่ไม่สามารถแสดงออกได้นั้นก็เป็นสามีและภรรยาของอีกคนหนึ่งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การหลบ ๆ ซ่อน ๆ ก็ทำให้เขาทั้งคู่ต้องมีความรู้สึกไม่ดีอยู่ไม่น้อยทีเดียว แต่ทั้งคู่ก็ดูไม่ได้เรียกร้องอะไรหนังก็พาเราไปจนกระทั่งให้สามีของโซยังเสียชีวิต ตรงจุดนี้หนังก็บ่งบอกให้เราเห็นว่าเธอเป็นอิสระจากพันธนาการของชีวิตเธอได้แล้ว ซึ่งเหมือนกับเป็นการเล่นตลกบางอย่างของผกก.ที่ตัดสินให้สามีของเธอตาย เพื่อจะให้เห็นถึงการที่เธอต้องอยู่โดดเดี่ยวอย่างถาวร อีกทั้งอินซูเมื่อสวมบทบาทของสามีกับภรรยาตัวเองอย่างเต็มตัว ภรรยาเธอก็ไม่อาจจะทนกับความละอายของตนเองอีกต่อไป ทำให้เขาจำต้องบอกกับเธอว่าชู้รักของเธอตายแล้ว ในฉากนี้เป็นการกระทำที่ชี้บ่งอยู่แล้วว่า เขาเป็นอิสระจากพันธนาการนี้เช่นกัน แต่แล้วมันก็ไม่ได้สุขสมนักนอกจากเขาก็ได้รับความโดดเดี่ยวเช่นกันหนังได้ทิ้งสิ่งหนึ่งที่โซยังได้กล่าวเอาไว้เป็นสัญลักษณ์ในเรื่องของการที่หิมะตกในฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แต่แล้วผกก.ก็สวมบทพระเจ้าที่ทำให้ฤดูใบไม้ผลิมีหิมะตกขึ้นมา โดยที่ตั้งแต่เริ่มเรื่องจนถึงตอนนี้ พวกเขาเหมือนกำลังโดนลงโทษกับความผิดของตนเอง และอารมณ์ในฐานะของตนที่ยังคงติดค้างกับฐานะสามีและภรรยาทางนิตินัยอยู่ แต่แล้วความรักที่เป็นเพียงชู้รักก็กลายเป็นความรักแท้ได้ เป็นฉากโรแมนติกแท้ ๆ ฉากเดียวในหนังที่ผกก.อั้นมาไว้ตั้งแต่เริ่มเรื่องสรุปแล้วครั้งนี้การท้าทายความสามารถของตนเองสามารถทำสำเร็จได้ และทุกภาพทุกรายละเอียดของหนังประนีตและงดงามในความเรียบง่ายแต่ลึกซึ้ง. ดูหนังใหม่